![](https://grazietravel.com/wp-content/uploads/2020/07/70-ST.BASIL-09.jpg)
มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral) สถาปัตยกรรมที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงมอสโก สร้างโดยซาร์อีวานที่ 4 หรือที่เรียกกันว่า ซาร์อีวานจอมโหด เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการรบชนะเหนือกองทัพของมองโกลที่เมืองคาซาน (Kazan) ในปี ค.ศ. 1555 จุดเด่นของมหาวิหารนี้คือ โดมรูปหัวหอม สีสันสดใส และมีลักษณะเป็นรูปคล้ายแท่งเทียน ที่มีเปลวเพลิงส่องแสงอยู่บนปลาย เป็นรูปทรงที่ไม่เหมือนโบสถ์อื่น คือมีโดม 8 โดมล้อมรอบโดมที่ 9 ที่อยู่ตรงกลาง และทำให้อาคารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียโบราณ อันได้รับอิทธิพลมาจากไบแซนไทน์ที่เป็นโดมทรงหัวหอมกับสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ารัสเซียนกอธิก ได้รับการยกย่องว่างดงามไม่มีโบสถ์ใดเหมือน รวมทั้งได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี 1990 อีกด้วย
![](https://grazietravel.com/wp-content/uploads/2020/07/wallpaperflare.com_wallpaper-3-2-1024x576.jpg)
สถาปนิกผู้ออกแบบวิหารแห่งนี้ชื่อว่า ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าซาร์อีวานที่ 4 หรือ ซาร์อีวานจอมโหดได้สั่งให้ควักดวงตาของสถาปนิกผู้ออกแบบ เซนต์บาซิล เพื่อที่จะไม่สามารถไปสร้างวิหารที่ไหนให้สวยกว่านี้ได้อีก จนกลายเป็นที่มาของสมญานามว่า “อีวานจอมโหด”
![](https://grazietravel.com/wp-content/uploads/2020/07/wallpaperflare.com_wallpaper-12-1024x576.jpg)
![](https://grazietravel.com/wp-content/uploads/2020/07/wallpaperflare.com_wallpaper-2-2-1024x576.jpg)
อนุสาวรีย์ คอสมา มินิน และ ดมิทริ โปซาร์สกี้ (Kuzma Minin and Dmitry Pozharsky) หล่อด้วยทองสำริดโดย Ivan Martos ทั้ง 2 คนเป็นผู้นำกองกำลังอาสาสมัครต่อสู้ผู้รุกรานชาวโปล (Ploes) ออกจากเขตเครมลินในปี ค.ศ. 1818 หลังจากได้รับชัยชนะจากสงครามนโปเลียน (ค.ศ. 1808 เกิดสงครามกับฝรั่งเศส รัสเซียมีชัยชนะในการรบที่ออสเตอร์ลิสส์ (Austerlitz) ค.ศ. 1812 นโปเลียนบุกเข้ามอสโก แต่ตีไม่สำเร็จจึงต้องล่าถอยออกไป)
![](https://grazietravel.com/wp-content/uploads/2020/07/wallpaperflare.com_wallpaper-1-5-1024x576.jpg)
สำหรับชื่อของวิหารแห่งนี้ เดิมทีมีชื่อว่า มหาวิหารแห่งการอธิษฐานของพระแม่มารี (Cathedral of the Intercession of the Virgin) ก่อนจะถูกเรียกชื่อตามนักบุญเซนต์บาซิล หรือแต่เดิมที่ชื่อว่า วาซีลี เบลเซนนี (Vasily Blazhenny) ผู้ที่มีบทบาทต่อวัฒนธรรมรัสเซียมานานกว่าหลายศตวรรษ โดยเป็นที่รู้จักว่ามีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์ทำนายโชคชะตา เขาสามารถทำนายเรื่องราวความตายและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถกล่าวตักเตือนซาร์อีวานจอมโหดถึงพฤติกรรมของเขาได้ ก่อนเขาจะเสียชีวิตในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1557 (พ.ศ. 2100) ร่างของเขาได้ถูกฝังไว้ใกล้กับวิหารในช่วงที่ทำการก่อสร้าง หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการยกฐานะให้เป็นนักบุญ มีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนพากันสวดมนต์ที่หลุมฝังศพของเขา จนเกิดเป็นวลีที่ว่า “สวดภาวนา ณ มหาวิหารเซนต์บาซิล” ชื่อวิหารดังกล่าวนี้จึงเป็นที่นิยมมากกว่า
มหาวิหารแห่งนี้ รอดพ้นทั้งภัยต่าง ๆ มามากมาย ทั้งภัยธรรมชาติ เหตุการณ์ไฟไหม้ และจากการถูกศัตรูรุกราน ตั้งตระหง่านบนพื้นที่แห่งนี้มาเเป็นระยะเวลานานกว่า 400 ปี ปัจจุบันวิหารแห่งนี้ไม่ใช่โบสถ์ แต่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของรัสเซีย อันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศ เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เดินทางเข้าไปชื่นชมความงดงาม