พระราชวังแวร์ซายส์ แห่งพระเจ้าหลุยส์ที่14 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (ประเทศฝรั่งเศส) - Grazie Travel

พระราชวังแวร์ซายส์ แห่งพระเจ้าหลุยส์ที่14 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (ประเทศฝรั่งเศส)

by Grazie Travel

พระราชวังแวร์ซายส์ แห่งพระเจ้าหลุยส์ที่14 (ประเทศฝรั่งเศส)

พระราชวังแวร์ซาย เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่แวร์ซาย เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก อยู่ห่างจากเมืองปารีสประมาณ 17 กิโลเมตร ประวัติความเป็นมาของพระราชวังแวร์ซายส์นั้น ต้องย้อนไปจนถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส ด้วยพระองค์นั้นชอบไล่ล่าสัตว์และชอบใกล้ชิดกับธรรมชาติ พระองค์มีโอกาสมาล่าสัตว์ในป่ารอบ ๆ เมืองแวร์ซายส์อยู่หลายครั้ง จนในปี ค.ศ. 1622 ก็ได้เริ่มซื้อผืนป่าในเมืองนี้เพื่อล่าสัตว์ส่วนพระองค์ จนต่อมาปี ค.ศ. 1623 ก็ทำที่พักขนาดเล็กขึ้นที่นี่ และในปี ค.ศ. 1631 ก็มีการสร้างใหม่ให้กลายเป็นชาโตว์ขนาดย่อม ๆ    ต่อมาในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระองค์ทรงตัดสินพระราชหฤทัยย้ายราชสำนักมาอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ และได้ปรับปรุงพระตำหนักหลังเก่าให้กลายมาเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ สวยงามและหรูหราที่สุดในยุโรป เริ่มดำเนินการในปี ค.ศ. 1661 และมีการสร้างเรื่อย ๆ ใช้เวลาในการก่อสร้างร่วมกว่า 30 ปี ตลอดสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระองค์ทรงใช้ที่นี่เป็นสถานที่ในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งรวมทั้งคณะทูตจากสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งอยุธยาของเราอีกด้วย ต่อมาเป็นสถานที่พำนักของกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เรื่อยมา จนถึงสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส จนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น นับแต่นั้นพระราชวังแวร์ซายส์ก็ไม่เคยได้เป็นที่พำนักของกษัตริย์อีกเลย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1837 พระเจ้าหลุยส์-ฟีลิปที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ก็ได้มีคำสั่งให้เปลี่ยนพระราชวังแวร์ซายส์มาเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสจนถึงปัจุบันนั้นเอง โดยตัวอาคารทุกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนดสีขาว มีสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบบาโรค และรอคโคโค ตกแต่งอย่างสวยงาม มีขนาดพื้นที่ขนาดพื้นที่ ทั้งหมด 5,000 ไร่ รายล้อมด้วยสวนสวยที่ตกแต่งให้มีลวดลายวกวนราวกับเขาวงกต ตกแต่งด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มีประติมากรรมสัมฤทธิ์และหินอ่อนปั้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน โดดเด่นด้วย น้ำพุจากเทพนิยายกรีก ตัวพระราชวังแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ The Palace, The Gardens, The Estate of Trianon, แและ The Park ในส่วนของ The Palace หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง จัดแสดงภาพวาด กับงานแกะสลัก มีการติดตั้งหน้าต่าง 2,153 บาน บันได 67 อัน และเตาผิงกว่า 1,315 เตา และยังมีการประดับตกแต่งด้วยแชนเดอเรีย มีห้องกระจก(The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังและเป็นไฮไลท์สำคัญที่เราต้องเข้าชมเมื่อมาฝรั่งเศสนั้นเองค่ะ

ห้องกระจก(The Hall of Mirrors)

ห้องกระจก(The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง สร้างด้วยกระจกบานใหญ่เจียรไนสุดวิบวับทั้งหมด 17 บาน (สมัยนั้นกระจกแพงมาก) มีความยาวถึง 70 เมตร ตกแต่งด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์แพงระยับ พร้อมกับรูปวาดบนเพดานที่สวยเกินบรรยาย โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงกำกับการก่อสร้างเองเกือบทั้งหมด โดยพระองค์ทรงจัดเตรียมพื้นที่นี้ เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองโดยเฉพาะ และใช้จัดพิธีเลี้ยงรับรองคณะราชทูต เป็นเวลาถึง 300 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ห้องนี้ได้ใช้เซ็นสนธิสัญญาครั้งสำคัญถึง 2 ครั้ง คือ สนธิสัญญาตั้งอาณาจักรเยอรมัน และสนธิสัญญาแวร์ซายส์ “สงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1”  เมื่อเปิดออกมาจะพบเห็นมุมที่สวยที่สุดของสวนแวร์ซาย (The Gardens) ห้องกระจกถูก

ห้องวีนัส

ห้องวีนัส สถาปัตยกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวความรักและความงามตามชื่อเทพนิยายวีนัส ตกแต่งด้วยรูปปั้นชุนทรงศึกอันภูมิฐาน แบบโรมันของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นห้องพักพระราชทูตที่เดินทางมาถวายพระราชสาส์น และเป็นที่พักราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยาอีกด้วยนะคะ สวยสมคำล่ำลืมจริงๆ

อุทยานพระราชวังแวร์ซายส์

อุทยานแวร์ซายส์ เป็นสวนยิ่งใหญ่งดงามที่สุด ที่รายล้อมพระราชวังแวร์ซาย สถาปนิกแต่งสวนระดับโลกชื่อ เลอโนทด์ ร่วมกับช่างใหญ่ผู้ออกแบบสร้างวังทั้งสองท่านคือ เลอบรังและมอนสาร์ท เริ่มตกแต่งอย่างสมบูรณ์แบบในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่15 อุทยานแวร์ซายส์มีเนื้อที่กว้าง 14,820 เอเคอร์ ประกอบด้วยสระน้ำเล็กๆขึ้นไป จนถึงทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่ ทรงรับสั่งให้สร้างรูปปั้น รูปหล่อทองแดงของธรรมชาติทุกสิ่งไว้ ตั้งแต่รูปสัตว์จนถึงรูปปั้นเทพเจ้าทั้งหลายตามตำนานกรีกโบราณ เพื่อประกาศความเกรียงไกรของวัฒนธรรมฝรั่งเศส เทคนิคการชลประทานแบบใหม่ในครั้งนั้นได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยขุดคลองต่อจากแม่น้ำเชนน์มาที่แวร์ซายส์ เพื่อใช้เครื่องปั้มน้ำพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุทั่วอุทยาน

ขอบคุณรูปภาพจาก

commons.wikimedia.org และ facebook/Château de Versailles