มหาวิหารแห่งโคโลญจ์ Cologne Cathedral ประเทศเยอรมนี - Grazie Travel

มหาวิหารแห่งโคโลญจ์ Cologne Cathedral ประเทศเยอรมนี

by Grazie Travel

โคโลญจ์ (Cologne) หรือเรียกตามภาษาเยอรมันว่า เคิล์น Koln เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 4 ของประเทศ รองจากเบอร์ลิน ฮัมบูร์ก มิวนิค สร้างโดยชาวโรมันตั้งแต่ 38 ปี ก่อนศริสตกาล มีแม่น้ำไรน์ (Rhein) ไหลผ่านใจกลางเมือง จนกลายเป็นแม่น้ำหลักในการขนส่งสินค้าของทวีปยุโรป ซึ่งส่งผลดีต่อเมืองโคโลญจ์ไปในตัว สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองก็คือ มหาวิหารโคโลญจ์ อายุกว่า 900 ปี และได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลก ส่งผลให้ต้องสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ส่วนตัววิหารได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลก จึงสร้างต่อเติมให้สมบูรณ์คล้ายของเดิมมากที่สุด ปี ค.ศ.1945 นอกจากนี้เมืองโคโลญยังเป็นต้นกำเนิดแหล่งผลิตน้ำหอมออดิโคโลญ 4711 อันลือชื่ออีกด้วยนะคะ

มหาวิหารโคโลญจ์ (Kolner Dom) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1248 ด้วยศิลปะสไตน์โกธิก วัสดุที่ใช้เป็นหินทรายขาว แต่เมื่อระยะผ่านไปหลายร้อยปี ภาพที่เห็นจึงมีสีขาวสลับดำ อย่างเห็นได้ชัด ระยะเวลาในการก่อสร้าง600ปี เพราะแม้ว่าจะเริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1248 แต่ก็เกิดปัญหาระหว่างทางทำให้ต้องหยุดก่อสร้างไปชั่วคราว มหาวิหารแห่งนี้มีความยิ่งใหญ่ กลายเป็นศาสนสถานศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นอกจากนี้ยังเป็นวิหารที่ใหญ่และเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกในตอนนั้นอีกด้วยนะคะ ส่วนสิ่งที่มหัศจรรย์ของวิหารแห่งโคโลญจ์นั้นคือ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองนั้น เมืองโคโลญจ์ถูกทิ้งระเบิดทางอากาศทั้งหมด 14 ลูก รอบข้างโดนระเบิดราบไปหมด แต่ Cologne Dom กลับไม่โดนลูกหลงใดๆเลย บ้างก็เชื่อว่านักบินไม่ทิ้งระเบิด เพราะต้องการให้วิหารเป็นจุดสังเกตของเมือง บ้างก็เล่ากันว่า คนออกแบบสร้างมหาวิหารนี้ ได้ทำข้อตกลงขายวิญญานให้ปิศาจ แต่พอสร้างแล้วก็เบี้ยวไม่ตกลงด้วย ทำให้ปิศาจโมโหสาปว่า วิหารแห่งนี้จะไม่มีวันสร้างเสร็จสมบูรณ์ ทำให้วิหารแห่งนี้มีการต้องซ่อมบำรุงจุดนั้นจุดนี้อยู่ร่ำไป ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก ปี ค.ศ.1996 ที่ผ่านมา

ความสูงของหอคอยแฝดนี้ มีความสูงประมาณ 157 เมตร ชนิดที่ว่าต้องแหงนหน้ามองกันเมื่อยคอเลยทีเดียวค่ะ ตัววิหารมีความกว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร ประตูทางเข้ามี 3 ด้าน เปิดใช้งานให้เข้าจริงๆเพียงทางเดียว หากมองเข้าไปใกล้ๆซุ้มประตูทุกด้านจะมีรูปปั้นแกะสลักนักบุญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีคุณูปการต่อคริสต์ศาสนาทั้งนั้น งดงามด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรสมบูรณ์ ให้รายละเอียดในการออกแบบแทบไม่มีส่วนใดที่เป็นผนังเรียบๆ ล้วนแต่มีลวดลายราวกับแกะฉลุทั้งวิหาร ทำให้เห็นรายละเอียดของผลงานได้ทุกส่วน ประติมากรรมขนาดไม่ใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะปรากฏอยู่แทบทุกส่วนของอาคารด้านนอก สมกับเป็นโบราณสถานแห่งศรัทธา ความสูงเด่นในบรรดาอาคารใกล้เคียง

คราวนี้มาเดินชมบรรยากาศภายในกันบ้าง ด้วยการก่อสร้างแบบโกธิก จึงมีเสาตั้งกลางวิหารเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้สึกมีพื้นที่แคบจนเกินไป แต่ถ้าเดินชมความงานภายในจุดต่างๆ เป็นอันต้องมนต์สะกดทั้งนั้น เริ่มตั้งแต่กระจกสีรอบวิหาร แต่ละบานเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันไป  เป็นผลงานของ แกร์ฮาร์ดริกเตอร์ ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทั่ววิหารมีมากกว่า 11,000 บาน ใช้กระจกสีถึง 72 สี โบราณวัตถุชิ้นสำคัญคือ หีบสามกษัตริย์ทองคำโรมัน ผลงานของ Nicholas of  Verdun ช่างทองที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับในยุคกลาง ที่ใช้เวลาในการสร้างผลงานชิ้นนี้ถึง 38 ปี (ค.ศ.1182-1220) งานชิ้นนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในวิหาร ใกล้กับแท่นบูชา นับเป็นงานที่ทั้งมีคุณค่าและมูลค่ามหาศาล

ใครที่อยากขึ้นไปชมทัศนียภาพแสนสวยงามด้านบนยอดมหาวิหาร สามารถทำได้ด้วยการขึ้นบันไดไปกว่า 500 ขั้น แต่รับรองว่าความสวยด้านบนนั้นคุ้มค่ากับความเหนื่อยอย่างแน่นอน มหาวิหารเปิดให้เข้าชมภายในได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถเข้าชมในส่วนพิพิธภัณฑ์ของมีค่าที่ขุดค้นพบเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาธอลิกสมัยโรมันในราคา 5 ยูโร และ การเดินจุดชมวิวบนหอคอยสูง ในราคา 3 ยูโร

ขอบคุณรูปภาพจาก

commons.wikimedia.org