เมืองอินเทอลาเค่น (Interlaken) ที่ต้องมาเพราะเมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้น พิชิตยอดเขาจุงเฟรา โดยอินเทอลาเค่นนั้นตั้งชื่อตามสำนักสงฆ์ที่เคยตั้งอยู่ที่นี่เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 12 ซึ่งมีชื่อในภาษาละตินว่า “Inter Lacus” แปลว่า เมืองระหว่างทะเลสาบ ดังนั้นพอมาเป็นภาษาเยอรมันจึงกลายมาเป็นชื่อ “Interlaken” ในปัจจุบัน ที่นี้ยังเป็นเมืองตากอากาศบนเทือกเขาแอลป์ ถูกขนาบอยู่กึ่งกลางระหว่างทะเลสาบสองแห่ง ล้อมรอบด้วยภูเขาที่มีหิมะปกคลุม เป็นเมืองในรัฐแบร์นของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองอินเทอร์ลาเคินตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เมืองอินเตอร์ลาเคน อยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ คือ ทะเลสาบ Lake Brienz และ ทะเลสาบ Lake Thun เมืองที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างทะเลสาบทูนและทะเลสาบบรีนซ์ มีแม่น้ำอาเรเชื่อมทั้งสองทะเลสาบตัดผ่ากลางเมือง พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองมักถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ เมืองอินเตอร์ลาเค่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งส่วนใหญ่บ้านไม้สไตล์สวิสชาเล่ต์ทำให้รู้สึกอบอุ่น นอกจากนี้ภายในเมืองมีสวนสาธารณะเฮอเฮ่อมัทเท่อเป็นลานกว้างและเป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นยอดเขา 3 ที่สวยงามคือ ยอดเขา Jungfrau ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดคือ 4,158 เมตร ยอดเขา Monch มี และยอดเขา Eiger ทำให้อินเทอร์ลาเค่นเป็นสถานที่ตากอากาศที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกชื่นชอบมากที่สุดกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆของประเทศอีก
แม่น้ำอาเรไหลผ่านเมืองอินเทอร์ลาเค่น สายน้ำน้ำสีเขียวมรกตนี้เกิดจากการละลายของน้ำแข็งจากเทือกเขาเอลลป์ ไหลลัดเลาะตามหมู่บ้านในที่สุดจะกลายเป็นแม่น้ำอาเร่ไหลลงสู่ทะเลสาบ
ในตัวเมืองอินเทอร์ลาเค่นมี ถนนโฮอีเวก (Hoheweg) เป็นถนนที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงของการเป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งในอินเตอร์ลาเคน ที่เรียงรายด้วยอาคารโบราณจากยุคศตวรรษที่ 19 นอกจากนี้ที่นี้ก็มีร้านนาฬิกามากมาย เรียงรายกันตามมถนนเส้นนี้ มีทุกแบรนด์ของสวิสให้เลือก เราเดินต่อไปเรื่อยๆ มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อไปเป็นของฝาก มีร้านค้ามากมาย
กลางเมืองมีสวนสาธารณะเฮอเฮ่อมัทเท่อ (hohematte) หญ้าเขียวขจีในช่วงหน้าร้อน มีนักท่องเที่ยวมานอนอาบแดดขนาดใหญ่ที่มองผ่านช่องเขาไปเราสามารถเห็น ยอดเขา Jungfrau ยอดเขา Monch มี และยอดเขา Eiger แลแน่นอน
จุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวแทบทุกคนคือที่มาเที่ยวเมืองอินเทอร์ลาเค่นเพราะเมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้น พิชิตยอดเขาจุงเฟรา ที่สักครั้งหนึ่งเราต้องไป Top of Europe หรือ Jungfraujoch สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป
จุดเริ่มที่เหมาะกับการเริ่มพิชิตยอดเขาคือสถานีกรินเดลวาลด์กรุนขึ้นรถไฟสายจุงฟราวบาห์เนนคันสีเขียวเหลือง เราจะนั่งรถไฟขึ้นไป ระหว่างการเดินทางเราจะได้ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางแบบสวิตเซอร์แลนด์แท้ๆ ที่มีทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ดอกไม้ป่าบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ล่วงบ้านหลังน้อยใหญ่ปลูกแบบน่ารักๆทรงสวิสชาเลต์ ฝูงวัวพื้นเมืองที่กระจัดกระจายแทะเล็มหญ้าอยู่ทั่วบริเวณ ลำธารน้ำธรรมชาติเล็กๆที่ใสสะอาดและฉากหลังที่มีภูเขาหิมะตั้งตระหง่านขาวโพลนเก็บรูปภาพสวยๆกันอย่างจุใจแน่นอนค่ะ
จากนั้นเราเปลี่ยนบรรยากาศโดยการ นั่งรถไฟชมวิวท่องเที่ยวธรรมชาติบนภูเขาสูงแห่งแอลป์แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟสายภูเขาที่สถานีไคลน์ไชเด็ก รถไฟจุงเฟราคันสีแดงที่ไต่ความสูงขึ้นไปอีก รถไฟจะนำคุณลอดผ่านอุโมงค์ยาวที่ตัดผ่านภูเขา Eiger และ Monch เส้นทางรถไฟมีความคิดริเริ่มตั้งแต่ราวๆปี 1870 แต่กลับถูกชาวบ้านต่อต้านเพราะกลัวสัตว์ลากจูงของตนจะหมดโอกาสทำมาหากินกระทั่งปี 1896 เศรษฐีเจ้าของเส้นทางรถไฟของสวิสเริ่มต้นลงทุนก่อสร้างรถไฟสายนี้ขึ้นใช้เวลาสร้าง 16 ปีมาแล้วเสร็จเมื่อปี ค. ศ. 1912 และเปิดให้บริการวันแรกในวันที่ 1 สิงหาคม 1912 ที่ความสูงถึง 3,464 เมตร จนกระทั่งถึงสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป
นี่คือสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปค่ะ สถานี Jungfraujoch
อุโมงค์แห่งโลกอัลไพน์ประดับประดารูปดอกอัลไพน์ แสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวสวิต ผ่านแบบจำลอง ภาพวาด ภาพถ่าย ประวัติการก่อสร้างรถไฟขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟราสายนี้ค่ะ
เดินเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงห้องจัดแสดงเล่าประวัติความเป็นมาตั้งแต่การทำเส้นทางรถไฟอันแสนยากลำบากให้ชมกันแบบเต็มจอเลยทีเดียวค่ะ
ถํ้านํ้าแข็ง1,000 ปี
ถํ้านํ้าแข็ง1,000 ปี Ice Palace ถ้ำน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย เกิดจากการขุดเจาะใต้ธารน้ำแข็ง Glacier ลึกลงไป 30 เมตร ธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ยาวถึง 22 กิโลเมตร และหนา 700 เมตร ภายในจะมีผลงานศิลปะเป็นน้ำแข็งแกะสลักอยู่ตามจุดต่างๆให้เรามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันค่ะ
สวิสสฟิงซ์ หรืออาคารสังเกตุการณ์ ที่ความสูง 3,571 เมตร/11,716 ฟิต ท่านสามารถชมวิวได้รอบ 360 องศาจากระเบียงได้ประสบการณ์แสนประทับใจการเดินทางสู่ ยุงค์ ฟราวยอร์ค-หลังคายุโรป จะได้เห็นหิมะและธารน้ำแข็งธรรมชาติที่ไม่มีให้ชมในประเทศเมืองร้อนอย่างบ้านเราแน่นอนค่ะ ไปแล้วไม่ได้มาจุดชมวิว จุดนี้เหมือนมาไม่ถึง
ไม่ควรพลาดการส่งโปสการ์ดจากที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลก เลือกโปสการ์ดสวยๆเก๋ๆสักใบเขียนส่งให้ตัวเอง เก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยพิชิตยอดเขา Top of Europe ด้านบนนี้มีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับยอดเขาจุงเฟรา มีร้านกาแฟ โกโก้ร้อน ที่อร่อยและช่วยให้ความอุ่นมนร่างกายของเราอีกด้วยนะคะ และที่สำคัญหากเราทานกาแฟร้อนแล้วนำขยะไปแลกกับแก้วจุงเฟราเป็นของที่ระลึกฟรีอีกด้วยนะคะ เริ่ดสุดๆเลยค่า
การเดินทางลงจากยอดเขาเราแนะนำเส้นทางรถไฟอีกด้านหนึ่งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้ซ้ำทางเดิมผ่านเมือง เวนเก้น จนยากที่จะลืมแวะเปลี่ยนรถไฟที่สถานีไคลน์ไชเด็คซึ่งบริเวณสถานีนี้ ล้นเกล้ารัชกาลที่5 เคยเสด็จมาแล้ว จนกระทั่งถึงเมืองเลาเท่นบรุนเนิน (LAUTERBRUNNEN) สถานีปลายทางค่ะ เมืองที่สร้างบ้านแบบสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีความสวยงามมาก ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป โดยมีหน้าผาหินสูงตระหง่านกับน้ำตกสายเดียวชื่อว่า Tummelbach กระแสน้ำตกไหลพุ่งตกลงมาจากหน้าผาเป็นสายสีขาว เป็นน้ำตกที่สวยงามละอองน้ำกระเด็นไปทั่วบบริเวณ เลาเทอร์บรุนเนิน อยู่ในหุบเขารูปตัว U เป็นเมืองเดียวที่มีน้ำตกถึง 72 แห่ง ตัวเมืองตั้งอยู่ในพื้นที่ราบต่ำสุดในหุบเขา ถือว่าอากาศบริสุทธิ์น่าสัมผัสสักครั้งในชีวิตกันเลยทีเดียวเชียวค่ะ
เมนูสะโพกไก่อบ
เมื่อมาถึงยอดเขาจุงเฟราแล้ว เราจะพลาดมาทานอาหารที่สูงที่สุดเลยไม่ได้ เมนูที่ขึ้นชื่อคือสะโพกไก่อบอันใหญ่ รสชาติที่ออกเค็มแบบกลมกล่อม เนื้อนุ่ม เสริฟพร้อมเฟร้นฟราย ขนมปัง และซุปชีสค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก: jungfrau.ch // commons.wikimedia // facebook.com/Interlaken-Switzerland