เมืองเกนต์ (Ghent) เป็นเมืองท่าที่ใหญ่และมั่งคั่งที่สุดในตอนเหนือของยุโรป ลำดับที่สองของประเทศเบลเยียม ที่เงียบสงบและสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ ถ้าพูดถึงเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลแล้ว เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีอะไรที่น่าสนใจเยอะแยะเลยค่ะ เมื่อเดินลึกเข้าไป ก็จะเจอกับมุมโรแมนติกที่หลากหลาย บางที่ก็ลึกลับน่าค้นหา ตัดกับความสดใสของริมแม่น้ำเลอิ (Leie River) และบ้านหน้าจั่วที่กลายเป็นฉากหลังของโปสการ์ด ทำให้นักท่องเที่ยวได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามของสายน้ำที่ตัดกับสถาปัตยกรรมของเมืองนี้
และที่โดดเด่นที่สุดของเมืองนี้ ก็คือรูปแบบสถาปัตยกรรมและผังเมืองที่สวยงามของที่นี่ เมื่อเดินเข้าไปในเมืองจะเห็นอาคารบ้านเรือนโบราณและสมัยใหม่ตั้งปะปนกันสวยงาม มีการผสมผสานกลมกลืนระหว่างรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุคเก่าและยุคใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว กลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เเละเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศสวยงาม เหมาะแก่การเดินเล่นชิลๆ ชมวิวสุดๆค่ะ
การเดินเล่นรอบเมืองเกนต์ ก็เป็นอีกกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยค่ะ ระหว่างเดินเที่ยวชมเมือง ก็จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่หายากในยุโรป เพราะการออกแบบผังเมืองที่ไม่ซับซ้อน ทำให้เดินได้อย่างสบายและเส้นทางที่แนะนำคือ การเดินเลียบแม่น้ำ Leie นั่นเองค่ะ
ถึงแม้จะดูเป็นเมืองที่เรียบง่ายและสงบแล้ว เมืองเกนต์ยังมีกิจกรรมและประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่มีสีสันและน่าค้นหา เช่น ปราสาท Gravensteen สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1180 เพื่อแสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคสมัยของ Philip of Alsace เป็นเมืองที่ไม่ต้องมีการใช้รถยนต์ ซึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมากๆ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดในเมืองเกนต์เลยค่ะ และยังมีหอระฆังประจำเมืองที่สูงตระหง่านถึง 91 เมตร เป็นจุดเด่นของเส้นขอบฟ้า ที่ด้านล่างเป็น Cloth Hall ที่มีมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 15 และได้รับเกียรติเป็น UNESCO World Heritage Site อีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้เมืองเกนต์ ยังได้ถูกพัฒนาจากเมืองเศรษฐกิจให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มตัว ที่มีโรงแรม ร้านอาหาร ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม และยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเกนต์ กับพิพิธภัณฑ์สำคัญของประเทศหลายแห่งอีกด้วยค่ะ เเละสิ่งที่ไม่ควรจะพลาดจากเมืองนี้ก็คือการกินมัสตาร์ด เป็นส่วนผสมขึ้นชื่อของเมืองเกนต์เลยค่ะ และเป็นมัสตาร์ดที่ไม่เหมือนที่ไหนเพราะมีเคล็ดลับสูตรพิเศษจากตระกูล Tierenteyn-Verlent ค่ะ