ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (Kingdom of Norway) เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ ส่วนตะวันตกของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย มีอาณาเขตจรดประเทศสวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย และมีอาณาเขตทางทะเลจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้กับประเทศเดนมาร์กและสหราชอาณาจักร นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวและเป็นที่ตั้งของฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง นอร์เวย์ มีภูเขาน้ำแข็งปกคลุมมากกว่าครึ่งประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่สูงและภูเขาสูงจะมีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี พื้นที่หลายแห่งมีภูเขาสลับซับซ้อน มีช่องเขาแคบ ๆ สลับที่ราบหลายแห่ง ชายฝั่งทะเลส่วนใหญ่เป็นฟยอร์ดที่มีน้ำลึกแต่นิ่ง เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ คือ ออสโล (Oslo) อดีตเคยเป็นอาณานิคมของชาวไวกิ้งโบราณ ตั้งอยู่ทางขอบด้านเหนือของ Oslofjord ออสโลได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เติบโตเร็วมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และการท่องเที่ยวที่สำคัญของนอร์เวย์ เอกลักษณ์ของที่นี่คือเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่สวยงามมากมาย ออสโลอาจเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งให้คุณมาเที่ยวได้ เมืองแห่งนี้มักจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมในชนบทที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปที่เหมาะต่อคุณภาพการใช้ชีวิต นักท่องเที่ยวที่ชอบงานศิลปะจะต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน

1. อุทยานฟรอกเนอร์ (FROGNER SCULPTURE PARK)

อุทยานฟรอกเนอร์ (FROGNER SCULPTURE PARK) สถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะประติมากรรม การแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และการหล่อรูปคนด้วยสำริดและทองแดง ผลงานทั้งหมดเป็นของ ‘กุสตาฟ วิคเกอร์แลนด์ ‘ ปฏิมากรชื่อดัง ซึ่งที่นี่มีปฎิมากรรมมากกว่า 200 ชิ้นให้ได้ชม โดยผลงานชิ้นเอกเป็นเสากลางอุทยานซึ่งมีควมสูงถึง17 เมตร ชื่อ Monolitten รอบเสาแกะสลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัฎจักรชีวิตมนุษย์ ลักษณะของเสาโมโนลิท เป็นรูปคนจำนวนมากมายปีนป่ายกันอยู่บนเสาใช้เวลาสร้างรวม22ปีจากหินแกรนิตเพียงแท่งเดียว และยังมีรูปหล่อสำริด ชื่อ Angry Littleboy อันโด่งดัง กุสตาฟได้สร้างสวนแห่งนี้โดยใส่จิตวิญญาณของชีวิตเข้าไป เขาต้องการสื่อให้เห็นถึงวัฎจักรแห่งชีวิต ที่จะมีการเวียนว่ายตายเกิดเป็นวงล้อหมุนไปไร้จุดสิ้นสุด เหมือนว่ากุสตาฟมีเจตนาสอนธรรมในการใช้ชีวิต ในรูปแบบศิลปะตามสไตล์ที่เขาถนัด

2. ถนนคนเดินคาร์ลโจฮันเกท (KARL JOHANGEN GATE)

ถนนคนเดินคาร์ลโจฮันเกท (KARL JOHANGEN GATE) แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของนอร์เวย์ เป็นแหล่งทั้งย่านช้อปปิ้งและแหล่งพบปะของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาเยือนนอร์เวย์ ตั้งอยู่กลางกรุงออสโล มีสินค้าทุกสิ่งอย่างให้ได้เลือกช้อป ของฝากของขวัญที่น่าซื้อก็คือ ผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ น้ำมันปลา เนยแข็งเทียนไข และของที่ระลึก เช่น เรือไวกิ้ง หรือตุ๊กตา Troll ตุ๊กตาพื้นบ้านของนอร์เวย์ เครื่องครัว พวงกุญแจ เป็นต้น สินค้าและ ของที่ระลึกต่างๆ

3. พระบรมมหาราชวัง (Konggelige Slott)

พระบรมมหาราชวัง(Konggelige Slott) อยู่สูงขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Karl Johansgate เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและสวยงามสถาปัตยกรรม เสร็จสมบูรณ์ในปี 1849 มันโชว์ผลงานสไตล์นีโอคลาสสิกที่สวยงาม เป็นพระราชวังที่รายล้อมไปด้วยสวนที่มีสระน้ำรูปปั้นและสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ด้านหน้าของพระราชวังมีอนุสาวรีย์รูปปั้นของกษัตริย์คาร์ลโจฮานนอร์เวย์ชาวสวีเดน รูปปั้นนี้สร้างโดยประติมากรชาวนอร์เวย์ Brynjulf ​​Bergslien พระบรมมหาราชวังยังมองเห็นได้จากถนน KARL JOHANGEN GATE

4. โรงละครแห่งชาติ (National Theater)

โรงละครแห่งชาติ (National Theater) ซึ่งเป็นโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ ที่มีความโดดเด่นที่สุดโรงละครมีการแสดงครั้งแรกใวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1899

5. ตึกรัฐสภาของนอร์เวย์ (Storting)

ตึกรัฐสภาของนอร์เวย์ (Storting) เป็นอาคารที่มีสีเหลืองอาคารได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวสวีเดน Emil Victor Langletและสร้างด้วยอิฐสีเหลืองพร้อมรายละเอียดและชั้นใต้ดินในเป็นหินแกรนิตสีเทาอ่อน เป็นการผสมผสานหลากหลายสไตล์รูปทรงของอาคารดูสวยงามและโดดเด่นมาก

6. ย่าน Aker Brygge

ย่าน Aker Brygge เคยเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์ ปัจจุบันมีการปรับปรุงเป็นแหล่งรวมความบันเทิงยอดนิยมที่ครบครัน รวมทั้งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวไฮโซออสโล มีบ้านเรือนหรู และร้านค้าทันสมัยมากมาย เป็นแหล่งรวมความบันเทิงยามราตรี มีผับ บาร์ ร้านอาหารเก๋ๆ คาเฟ่ชิลๆ มากมายนอกจากนี้ยังมี โรงหนัง โรงละครโอเปร่ารวมถึงห้างสรรพสินค้า เหมาะสำหรับการพักผ่อนเพลิดเพลิน มีการแสดงเปิดหมวก มีนักดนตรีข้างถนนร้องเพลงเพราะๆให้ฟัง ย่านนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากเลยค่ะ

7. ปราสาท Akurshus  

ปราสาท Akurshus  เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในเมืองออสโล แต่เดิมสร้างขึ้นในยุคกลางเพื่อเป็นเมืองพร้อมที่นั่งของตัวแทนกษัตริย์ ป้อมปราการแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ Akersneset ในเมืองออสโล ในปี 1600 ปราสาทถูกสร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ล้อมรอบด้วยหอป้อมปราการ ปราสาทเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 700 ปีนี้ได้รอดพ้นจากการล้อมโจมตีหลายครั้ง ปราสาทนี้ไม่เคยถูกครอบครองโดยกองทัพศัตรู ปฏิบัติการทางทหารยุติลงในปี 1815 และเริ่มดำเนินการต่อในช่วงปี 1820-1850 ก่อนที่จะยกเลิกปฏิบัติการในช่วงปี 1850-1900 จากนั้นป้อมปราการก็ถูกเปลี่ยนเป็นสำนักงานใหญ่ของทหาร โรงเรียนของข้าราชการ บางส่วนของอาคารยังถูกใช้เป็นคุกและเรือนจำหลังจากปี 1820

8. โอเปร่าเฮาส์ (Oslo Opera House)

โอเปร่าเฮาส์ (Oslo Opera House) เป็นโอเปร่าแห่งชาตินอร์เวย์ อาคารตั้งอยู่ในBjørvikaย่านใจกลางเมืองออสโล สร้างขึ้นแบบโมตเดิร์นการก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 2003 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2007 อาคารรูปทรงเลขาคณิตที่สร้างจากกระจกและหินอ่อนสีขาว ออกแบบให้ดูเหมือนภูเขาน้ำแข็งยักษ์โผล่ขึ้นมาจากน้ำ โดยมีทางเดินที่ทำเป็นสะพานลาดเอียงสีขาวรอบอาคาร โอเปร่าเฮาส์ ยังได้รับรางวัล World Architecture Festival Cultural Award  2008  และ  Mies van der Rohe award  2009 อีกด้วยนะค่ะ

9. ล่องเรือสำราญ DFDS  

การล่องเรือเราเลือกการเดินทางของเรือDFDS  ต้นทางที่กรุง ออสโล (Oslo) ประเทศ นอร์เวย์ ลงปลายทางที่กรุง โคเปนเฮเก้น (Copenhagen) ประเทศ เดนมาร์ก เป็นเรือสำราญอันโอ่อ่าขนาดใหญ่ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ผับ บาร์ ห้องซาวน์น่า ร้านค้าปลอดภาษี ห้องเล่มเกมส์ เป็นต้น เชิญพักผ่อนเดินเล่นบนเรือ ก่อนขึ้นชมวิวสวยยามเมื่อเรือถอนสมอ และรับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ในเรือ พร้อมพักค้างคืนบนเรือสำราญนี้ ชมทัศนียภาพอันสวยงามบนดาดฟ้าเรือ หรือช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี

 ส่วนของห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเช่น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ราวแขวนเสื้อผ้า บริการโทรศัพท์ บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi)   มีห้องน้ำในตัว

บนเรือมีห้องอาหารต่าง ๆไว้ให้นักท่องเที่ยวเลือกอาทิเช่น ห้องอาหารอิตาเลียน Little Italy ให้บริการพิซซ่าและพาสต้าเรียบง่ายเลิศรส Espresso House ให้บริการเครื่องดื่มร้อน-เย็น ตลอดจนขนมอบและแซนด์วิช ห้องอาหารบุฟเฟต์ 7 Seas ให้บริการอาหารนอร์ดิกและอาหารนานาชาติพร้อมไลน์บุฟเฟต์  SJØ มอบประสบการณ์อาหารระดับกูร์เมต์โดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลในท้องถิ่น ขณะที่สเต็กเฮาส์ Explorers ให้บริการสเต็กและซี่โครงที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน

เครดิตรูปภาพจาก

commons.wikimedia.org
Grazie Group