หากคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย สถานที่หนึ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ (Peterhof Palace) หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า “แวร์ซายแห่งรัสเซีย” สถานที่ซึ่งผสานความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม สวนดอกไม้ และระบบน้ำพุอันชาญฉลาดเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

รากฐานแห่งจักรวรรดิ – พระราชวังกลางสวนสวรรค์

พระราชวังปีเตอร์ฮอฟสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 18 โดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช (Peter the Great) เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนริมอ่าวฟินแลนด์ ตัวพระราชวังหลัก (Grand Palace) ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา มองลงมาสู่สวนล่างที่เต็มไปด้วยน้ำพุพวยพุ่งอย่างอลังการ มีเสน่ห์แบบบาโรกที่หรูหราและเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดทางศิลปะในทุกมุมมอง

ภายในพระราชวังเต็มไปด้วยห้องจัดแสดงหรูหรา เช่น ห้องทองคำ, ห้องทรงงาน, และแกลเลอรี Chesma ที่จัดแสดงภาพวาดสงครามในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย

สวรรค์แห่งน้ำพุ – วิศวกรรมชั้นครูในธรรมชาติ

จุดเด่นที่สุดของปีเตอร์ฮอฟคือ ระบบน้ำพุที่ไม่มีการใช้เครื่องปั๊มน้ำแม้แต่น้อย แต่ใช้แรงโน้มถ่วงจากอ่างเก็บน้ำที่สูงกว่าในการส่งน้ำผ่านท่อไปยังน้ำพุทั่วสวน

อย่าพลาด Grand Cascade – น้ำตกและน้ำพุขนาดใหญ่หน้าพระราชวังที่ประดับด้วยรูปปั้นสีทองอร่าม และ Fountain of Samson น้ำพุที่พ่นน้ำสูงถึง 20 เมตร ซึ่งสื่อถึงชัยชนะของรัสเซียเหนือสวีเดนในศึกโพลตาวา

ในสวนล่างและสวนบนยังมีน้ำพุอีกกว่า 170 แห่ง ทั้งแบบซ่อนอยู่ให้เซอร์ไพรส์ผู้เดินผ่าน หรือแบบจำลองเทพปกรณัมกรีกและโรมัน ชวนให้เดินเล่นถ่ายรูปไม่รู้จบ

จากซากปรักหักพังสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

แม้จะถูกทำลายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่พระราชวังปีเตอร์ฮอฟก็ได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่องนานหลายทศวรรษ ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของรัสเซีย และเป็นมรดกโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้านคนต่อปี

สรุป
พระราชวังปีเตอร์ฮอฟไม่ใช่แค่สถานที่ชมความงาม แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของความรุ่งเรืองในอดีตของจักรวรรดิรัสเซีย ความชาญฉลาดของวิศวกรรมโบราณ และความมุ่งมั่นของมนุษย์ในการฟื้นฟูประวัติศาสตร์ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ ปีเตอร์ฮอฟคือจุดหมายในฝันที่คุณต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต