มหาวิหารปอร์โต (Porto Cathedral): ประวัติศาสตร์ 900 ปี แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองปอร์โต

มหาวิหารปอร์โต (Porto Cathedral): มหาวิหารแห่งศรัทธาและประวัติศาสตร์ 900 ปีของเมืองปอร์โต

by Grazie Travel

เมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส มีเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเก่าแก่และชีวิตชีวาสมัยใหม่ หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญที่สะท้อนเรื่องราวทั้งสองด้านนี้ได้ชัดเจนที่สุดคือ มหาวิหารปอร์โต (Sé do Porto หรือ Porto Cathedral) ศูนย์กลางศรัทธาและศิลปะที่ยืนหยัดมานานกว่าเก้าศตวรรษ

จุดเริ่มต้นแห่งศรัทธา: ยุคโรมาเนสก์และบทบาทป้อมปราการ

การก่อสร้างมหาวิหารปอร์โตเริ่มขึ้นราวปี ค.ศ. 1110 และเสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 12 ภายใต้การนำของบิชอปฮิวโก (Bishop Hugo) สถาปัตยกรรมช่วงแรกเป็น สไตล์โรมาเนสก์ (Romanesque) โดดเด่นด้วยกำแพงหนา หน้าต่างเล็ก และหอคอยคู่สูงใหญ่ ดูสง่างามราวกับป้อมปราการป้องกันเมือง

นอกจากเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแล้ว มหาวิหารยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเมืองปอร์โตในยุคกลาง เพราะตั้งอยู่บนเนินสูง สามารถมองเห็นเมืองและแม่น้ำโดอูโรได้ทั่วถึง

ยุคโกธิก: ความงดงามของศิลปกรรมและเหตุการณ์สำคัญ

ในศตวรรษที่ 14 มหาวิหารได้รับการต่อเติมใน สไตล์โกธิก (Gothic) ที่เน้นความสูงโปร่งและความประณีต เช่น โคลอยส์เตอร์ (Cloister) ที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องอาซูเลโจ (Azulejos) สีฟ้าขาวบอกเล่าเรื่องราวพระคัมภีร์

นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดพิธีเสกสมรสระหว่าง กษัตริย์ João I แห่งโปรตุเกส และ Philippa of Lancaster จากอังกฤษในปี ค.ศ. 1387 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างโปรตุเกสกับอังกฤษที่ยาวนานมาจนปัจจุบัน

ยุคบาโรก: ความรุ่งเรืองแห่งศิลปะ

ในคริสต์ศตวรรษที่ 17–18 มหาวิหารได้รับอิทธิพลจาก สไตล์บาโรก (Baroque) อย่างเต็มที่ สถาปนิกชื่อดัง Nicolau Nasoni ออกแบบระเบียง Loggia และมีการสร้างแท่นบูชาทองคำอันวิจิตร รวมถึงตกแต่งโคลอยส์เตอร์ด้วยกระเบื้องอาซูเลโจเล่าเรื่องราวจากพระคัมภีร์

ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้มหาวิหารปอร์โตกลายเป็นสถานที่ที่ผสมผสานระหว่างศรัทธาและศิลปะได้อย่างลงตัว

การบูรณะเพื่อเผยรากเหง้าในศตวรรษที่ 20

ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้มีความพยายามในการบูรณะมหาวิหารครั้งสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูและเผยให้เห็นถึงโครงสร้างสถาปัตยกรรมยุคกลางดั้งเดิมให้มากที่สุด สถาปนิกได้ทำการรื้อถอนส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาในยุคหลังๆ ที่บดบังความงามแบบโรมาเนสก์และโกธิกออกไป ทำให้มหาวิหารกลับมามีรูปลักษณ์ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ในยุคแรกเริ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

มรดกที่ยืนยง

มหาวิหารปอร์โตไม่ได้เป็นเพียงอาคารเก่าแก่ แต่เป็นศูนย์รวมจิตใจและประวัติศาสตร์ของชาวเมืองปอร์โต ที่นี่เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญมากมาย รวมถึงพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระเจ้าฌูเอาที่ 1 กับพระนางฟิลิปปาแห่งแลงคาสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1387 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกระหว่างโปรตุเกสและอังกฤษ

ทุกวันนี้ มหาวิหารปอร์โตยังคงเปิดต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลก ให้ได้เข้ามาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม ชื่นชมศิลปะที่ทรงคุณค่า และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจ ณ ใจกลางเมืองมรดกโลกแห่งนี้